Skip to content

ออกแบบตกแต่งภายในอย่างไร ไม่ทำให้งานก่อสร้างต้องหยุดรอ

  • by
ออกแบบตกแต่งภายใน

เป็นเรื่องที่คนในวงการก่อสร้าง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รับเหมาก่อสร้าง) ไม่ค่อยมีความสุขนัก เพราะงานออกแบบ ตกแต่งภายใน (Interior Design) มักจะเริ่มล่าช้า กว่าที่ควรจะเป็น ทำให้การก่อสร้าง บางจุดต้องหยุดชะงักลง เช่นกำลังจะเตรียมพื้นผิว ก็ไม่รู้ว่าพื้นผิวนั้น ปูด้วยอะไร จะก่ออิฐทำผนัง ก็ไม่ได้เพราะไม่รู้ว่า แบบตกแต่งภายใน จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า ขอเสนอแนะวิธีการแก้ไขเหตุการณ์นี้ โดยให้ทางผู้ออกแบบตกแต่งภายใน แบ่งออกแบบ และเขียนแบบ ออกเป็น 2 ระยะคือ

  • ระยะที่ 1 : Architectural Interior ซึ่งเป็นการออกแบบเพื่อสอดประสานกับงานก่อสร้างของสถาปัตยกรรม- วิศวกรรม กำหนด รายละเอียด เรื่องแนวผนัง วัสดุพื้นผิว ระดับพื้น ตำแหน่งดวงโคม-สุขภัณฑ์ ฯลฯ เพียงพอ ต่อผู้รับเหมาใหญ่ ผู้รับเหมางานระบบทำงานได้โดยไม่ติดขัด
  • ระยะที่ 2 : Interior Decorate ซึ่งเป็นการออกแบบ เขียนแบบในส่วนรายละเอียด ของการตกแต่งภายใน มีข้อมูลครบถ้วน เพื่อให้ผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน สามารถดำเนินการได้ มีการเลือกใช้วัสดุอย่างละเอียดทั้งรุ่น สี ขนาด หากเจ้าของโครงการ และมัณฑนาการ ดำเนินการตามแนวทางที่ว่านี้ จะช่วยอย่างมาก ไม่ให้โครงการทั้งโครงการ เกิดความล่าช้า และไม่ทำให้ผู้อื่นลำบากรำคาญ

อัตราการคิดค่าบริการ

ปกติแล้วงานอินทีเรียไม่มีมาตรฐานการคิดราคาที่ชัดเจน ต้องมีการพิจารณาควบคู่หลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นปริมาณของเฟอร์นิเจอร์ วัสดุที่ใช้ รวมถึงสไตล์การออกแบบตกแต่ง ลวดลายความวิจิตรบรรจงของตัวงาน เป็นต้น

ยกตัวอย่างเช่น  การตกแต่งสไตล์คลาสสิคเป็นงานตกแต่งที่มีราคาแพงสุด จะมีอัตราการคิดค่าบริการอยู่ระหว่าง 30,000-80,000. บาท เป็นสไตล์ที่ใช้ความวิจิตรบรรจงละเอียดอ่อนมาก มักจะสะท้อนการใช้ชีวิตอันหรูหรามั่งคั่ง  ภายในมักจะต้องตกแต่งด้วยวัสดุล้ำค่ารูปทรงเส้นขอบต้องอ่อนช้อยชัดเจน วัสดุส่วนใหญ่จะเป็นเกรดพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็นงานหินอ่อน ผ้าสักหลาด วัสดุตกแต่งสีทอง เพื่อให้งานออกมาดูสูงส่งงดงาม

งานผลิตต้องใช้ความปราณีตละเอียดอ่อนและใช้เวลามากที่สุด  หรือยกตัวอย่างงานประเภทกลุ่มธุรกิจ เช่น คลินิกเสริมความงาม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงแรม ราคาจะแตกต่างจากบ้านพักอาศัยทั่วไป เพราะงานประเภทนี้จะมีรายละเอียดเนื้องานและความซับซ้อนมากกว่าทั้งการจัดการพื้นที่ใช้สอยให้เป็นประโยชน์ การวางระบบต่างๆ ที่มีความซับซ้อนกว่าบ้านพักทั่วไป การวางทางสัญจร ออกแบบฟังก์ชั่นพื้นฐานตามประเภทธุรกิจ รวมถึงการส่งทีมงานศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้หรือผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องกับประเภทธุรกิจของลูกค้า เพื่อดูวิเคราะห์ภาพลักษณ์ของสินค้าและบริการนั้นๆ ให้เกิดการนำเสนอเด่นชัดตราตรึงใจผู้ใช้บริการและตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่แท้จริง

กลุ่มบ้านพักอาศัย จะเป็นการคิดราคาตามพื้นที่จริงของการออกแบบ ช่วงราคาของการออกแบบมักจะแบ่งตามขนาดของพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ขนาดใหญ่บางส่วนมักเป็นพื้นที่เปิดโล่งกว้าง เมื่อเทียบราคาต่อตารางมักจะมีโอกาศที่ราคาต่อพื้นที่จะถูกกว่าพื้นที่การออกแบบที่มีขนาดเล็ก

กลุ่มบ้านพักอาศัย
SMALL
1,400-2,500 บาท ต่อ ตรม.
พื้นที่ไม่เกิน 100 ตรม
กลุ่มบ้านพักอาศัย
MEDIUM
1,400-2,500 บาท ต่อ ตรม.
พื้นที่ 100-300
กลุ่มบ้านพักอาศัย
LARGE
1,200 -1,800 บาท ต่อ ตรม.
พื้นที่ 300-1,000 ตรม
กลุ่มบ้านพักอาศัย
EXTRA LARGE
900 -1,500 บาท ต่อ ตรม.
พื้นที่ มากกว่า 1,000 ตรม

กลุ่มธุรกิจหรือร้านค้า การออกแบบงานประเภทนี้จะมีรายละเอียดความยากของตัวเนื้องานที่ซับซ้อนมากกว่า ทั้งการจัดพื้นที่ใช้สอย การวางระบบ การออกแบบพิจารณาเส้นทางสัญจร เป็นต้น จึงทำให้งานออกแบบกลุ่มนี้จะมีราคาสูงกว่างานออกแบบบ้านพักอาศัยทั่วไป

กลุ่มธุรกิจหรือร้านค้า
SMALL
3,000-3,500 บาท ต่อ ตรม.
พื้นที่ไม่เกิน 100 ตรม
กลุ่มธุรกิจหรือร้านค้า
MEDIUM
3,000-3,500 บาท ต่อ ตรม.
พื้นที่ 100-300
กลุ่มธุรกิจหรือร้านค้า
LARGE
2,500 -3,500 บาท ต่อ ตรม.
พื้นที่ 300-1,000 ตรม
กลุ่มธุรกิจหรือร้านค้า
EXTRA LARGE
2,500 -3,500 บาท ต่อ ตรม.
พื้นที่ มากกว่า 1,000 ตรม

อ้างอิงจาก https://www.168tobedesign.co.th/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87/

Leave a Reply